"มหาสมุทรแปซิฟิก" เป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นตัวขับเคลื่อนสภาพอากาศทั่วโลก และกำลังจะเปลี่ยนสภาพอากาศในปีนี้ ระยะที่อบอุ่นของวัฏจักรอุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิก หรือที่รู้จักในชื่อ "เอลนีโญ" กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวลงและพร้อมที่จะเคลื่อนเข้าสู่เฟสที่ตรงกันข้าม นั่นคือ "ลานีญา"
ปีที่เเล้วโลกต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก จากอุณหภูมิสูงผิดปกติ เกิดไฟป่า ความแห้งแล้ง และคลื่นความร้อนปกคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และอเมริกาใต้
ขณะที่อเมริกาเหนือต้องเผชิญกับฤดูหนาวที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ แอฟริกาตอนใต้กลับเจอทั้งฝนตกหนักและแห้งแล้งอย่างรุนแรง ทำให้พืชผลเสียหายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร
สิ่งที่น่ากังวล คือ การปรากฏตัวของเอลนีโญยังส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกและอุณหภูมิผิวน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณเตือนภัยของภาวะโลกร้อน
เเต่เวลานี้ เอลนีโญกำลังอ่อนกำลังลง เเละเมื่อจบลงโลกจะเข้าสู่ ความเป็น กลาง 3-5 เดือน ก่อนที่จะเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญาอย่างเต็มตัว และยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่กว่าที่ลานีญา จะเริ่มส่งผลต่อสภาพอากาศ หมายความว่าอุณหภูมิจะยังคงสูงต่อไป จนสามารถทำลายสถิติของปีที่แล้ว หากลานีญาที่เกิดในปีนี้ไม่รุนแรงมากเพียงพอ
ลานีญา คืออะไร
ลานีญาเป็นปรากฏการณ์ตรงข้ามกับเอลนีโญ แต่ก็ส่งผลกระทบ ต่างกันแค่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเเต่ละพื้นที่เท่านั้นที่จะเเตกต่างกันอย่างไร
ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกตอนกลางของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรต่ำกว่าปกติประมาณ 0.5 องศาเซลเซียสลงไป ซึ่งปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดขึ้นได้ทุก 2-3 ปี และปกติจะเกิดนานประมาณ 9-12 เดือน แต่บางครั้งอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี
ตามการคาดการณ์ของ NOAA โลกจะเข้าสู่ "ลานีญา" ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้มาติดตามผลกระทบของลานีญาและวิธีรับมือกับปรากฏการณ์ครั้งนี้
ลานีญา แบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง
ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
ตอนใต้ของทวีปแอฟริกาที่ติดกับมหาสมุทรอินเดีย คาบสมุทรมลายูและอินโดจีน จะมีภูมิอากาศร้อนชื้น ส่วนแอฟริกากลางฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกชุก ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก รัฐอลาสกาและแคนาดาฝั่งตะวันตก รวมถึงทางตอนใต้ของออสเตรเลียจะมีอากาศร้อน
ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม
ลานีญาจะสร้างผลกระทบต่อกลุ่มประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ในทวีปเอเชีย โอเซียเนีย อเมริกากลางและอเมริกาใต้
โดยสรุปคือ ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ และ เดือนมิถุนายน-สิงหาคม ในแต่ละภูมิภาคของโลกจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป
เตือน "ลานีญา" ทวีความรุนแรงของปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว
ผู้อำนวยการสมาคมเสริมสร้างขีดความสามารถ แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโดโบลเดอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า ปรากฏการณ์ "ลานีญา" ไม่เพียงแค่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้รูปแบบการกระจายตัวของฝนและความร้อนในบางภูมิภาคมีความรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย โดยในพื้นที่ที่มักจะมีฝนตกชุกในปกติ เมื่อเข้าสู่ลานีญา ฝนบริเวณนั้นจะตกหนักและมีปริมาณมากกว่าปกติ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งอยู่แล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะยิ่งแห้งแล้งรุนแรงขึ้นไปอีก
จากคำเตือนดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาที่อาจจะนำพาความแปรปรวนและความรุนแรงของสภาพอากาศมาสู่หลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นประเด็นที่ทุกประเทศรวมถึงประเทศไทยต้องให้ความสำคัญและเตรียมรับมืออย่างจริงจังต่อไป
"ลานีญา" กระทบไทย "ฝนตกมาก-อุณหภูมิลด"
กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยส่วนใหญ่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูฝนเป็นระยะที่ลานีญามีผลกระทบต่อสภาวะฝนของประเทศไทยชัดเจนกว่าช่วงอื่น ส่วนในช่วงกลางและปลายฤดูฝนลานีญามีผลกระทบต่อสภาวะฝนของประเทศไทยไม่ชัดเจน
อุณหภูมิปรากฏว่า ลานีญามีผลกระทบต่ออุณหภูมิในประเทศไทยชัดเจนกว่าฝน โดยทุกภาคของประเทศไทยมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติทุกฤดู และลานีญาที่มีขนาดปานกลางถึงรุนแรง ส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยสูงกว่าปกติมากขึ้น ขณะที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติมากขึ้น
แบบจำลองปริมาณน้ำท่าในปี 2567-2568
โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีความเป็นไปได้ 3 รูปแบบ
รูปแบบที่ 1 หากช่วงฤดูฝนของปี 2567 มีการพัฒนาเข้าสู่สภาวะลานีญารุนแรง จะทำให้ปริมาณน้ำ สูงถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม
รูปแบบที่ 2 หากช่วงฤดูฝนของปี 2567 มีการพัฒนาเข้าสู่สภาวะลานีญาอ่อน จะทำให้ปริมาณน้ำมีประมาณ 6,000 – 8,000 ล้าน ลบ.ม.
รูปแบบที่ 3 หากในช่วงฤดูฝนของปี 2567 สภาวะลานีญาอยู่ในระดับปกติ และในปี 2568 ปริมาณน้ำจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6,000 ล้าน ลบ.ม.
ข่าวล่าสุด